กรรมวิธีลดความอ้วน ให้ผอมรวดเร็วทันใจได้ภายใน เจ็ดวัน

วิธีลดน้ำหนัก

การลดน้ำหนักให้ได้ผลดีจริง ไม่ใช่การอดอาหารการกินหรือการกินยาลดความอ้วน แต่สิ่งที่สำคัญที่สุดคือการเลือกทานอาหาร ซึ่งหากใครที่พยายามลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังมานานแล้ว แต่น้ำหนักยังไม่มีทีท่าจะลดลงไปสักที บอกเลยว่าคุณควรจะหันไปโฟกัสเรื่องการกินของตัวเองบ้าง ด้วยการใช้วิธีลดน้ำหนักที่เราได้นำมาฝากวันนี้ การันตีว่าคุณจะผอมได้ฉับพลันภายใน เจ็ด วันเลย

หากคุณรับประทานอาหารตามใจปากแบบไม่มีแผนการกินมาตลอด ให้คุณเริ่มแพลนเรื่องอาหารเสียก่อน โดยให้คุณหยิบกระดาษกับปากกามาเขียนไว้ว่าภายในสัปดาห์นี้คุณจะกินเมนูเพื่ออนามัยอะไรบ้าง และแพลนไว้ว่าควรออกไปซื้อโภชนาอะไรมาเตรียมไว้บ้าง หากทำได้จะช่วยให้คุณกินได้อย่างเป็นระบบระเบียบขึ้น แล้วก็จะนำพามาซึ่งความผอมนั่นเอง

แม้ว่าคุณจะอ้างว่ายุ่งตลอดจนไม่มีเวลาดูแลตนเอง แต่เชื่อเถอะว่าถึงแม้จะงานยุ่งรัดตัว แต่คุณจะต้องมีเวลาให้ตัวเองบ้าง ลองเปลี่ยนจากเวลาผ่อนคลายดูละครตอนดึก มาเป็นเวลาเตรียมอาหารสุขภาพสำหรับวันต่อไป หรือเปลี่ยนมาเป็นเวลาบริหารร่างกายดีกว่า แล้วอย่าลืมจดบันทึกเป็นลิสต์ไว้ด้วยนะว่าวันต่อๆไปคุณควรจะต้องเตรียมอย่างไรบ้าง

การอดอาหารไม่ใช่หนทางที่นำไปสู่ความผอม หนำซ้ำอาจทำให้คุณตุ๊ต๊ะขึ้นกว่าเดิมด้วย เพราะเช่นนั้นใช้แพลนการกินอาหารที่ได้วางไว้ให้เป็นประโยชน์ โดยทานอาหารตามตารางที่เขียนเอาไว้ ซึ่งของกินทั้งหลายควรจะมีสารอาหารและวิตามินเยอะ ที่สำคัญควรจะเป็นอาหารสุขภาพที่ไม่มีไขมันเยอะด้วย

รู้หรือไม่ว่าการกินอาหารหน้าทีวี จะยิ่งทำให้คุณนั้นอ้วนฉุ เพราะคุณจะไม่มีสมาธิจดจ่อกับอาหารแล้วก็ตักเข้าปากอย่างไม่ทันได้ยั้งคิด ฉะนั้นให้คุณเปลี่ยนจากการกินอาหารหน้าทีวี มากินแค่ในครัวหรือห้องสำหรับรับประทานอาหารเท่านั้นจะดีกว่า

ถ้าเคยกินไปด้วยทำงานไปด้วยหรือกินไปด้วยขับขี่ไปด้วย บอกเลยให้เลิกความประพฤตินี้ซะ เพราะกิจกรรมที่ทำระหว่างการกินเหล่านี้ จะทำให้คุณไม่ได้สังเกตตัวเองว่าทานอาหารไปมากเท่าไหนแล้ว ฉะนั้นเวลาจะกินก็ให้โฟกัสไปที่การกินอย่างเดียว โดยที่ห้ามมีกิจกรรมอื่นเข้ามายุ่งด้วย

การลดน้ำหนักตัวคนเดียวอาจจะเป็นเรื่องยากไปหน่อย เพราะหากเพืื่อนหรือคนในครอบครัวชวนไปกินนั่นกินนี่ แผนการลดน้ำหนักของคุณก็อาจจะล้มเหลวได้ ทางที่ดีชวนเพื่อน ๆ หรือคนในครอบครัวให้มาทานอาหารสุขภาพกับคุณ หรือไม่ก็ชวนไปเดินเล่นสักครึ่งชั่วโมงหลังอาหารเพื่อเป็นการบริหารร่างกายก็ได้ วิธีนี้ไม่เพียงแต่คุณจะได้สุขภาพดีคนเดียว แต่คนรอบกายของคุณก็ได้ไปด้วยนะ

ถ้าคุณเกิดเห็นโฆษณาขนมหวานในจอแก้ว แล้วอยากกินจนทนไม่ไหว ทั้ง ๆ ที่ก็ไม่ได้รู้สึกหิวอะไรแต่แค่อยาก บอกเลยว่าคุณควรจะควบคุมความคิดตัวเองใหม่ได้แล้ว เพราะการกินตามใจปากแม้ตอนยังไม่หิวนี่แหละ ที่จะทำให้คุณอ้วนฉุได้อย่างน่ากลัวเลยล่ะ ถ้าหากคุณเกิดความคิดอยากจะกินอะไรสักอย่างเวลาเห็นสื่อโฆษณาหรือรูปภาพในอินเทอร์เน็ตแล้วละก็ ให้หาอย่างอื่นทำแทน เช่น การทาเล็บหรือถักนิตติ้งเพื่อลืมมันไปก็ได้

นอกจากจะออกอุบายการกินให้ดีแล้ว สาว ๆ ก็ควรจะออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายแข็งแรงด้วยนะคะ ที่สำคัญต้องใจเย็น ๆ ค่อย ๆ ลดไป เชื่อสิว่าวันหนึ่งหุ่นของคุณจะเป๊ะอย่างที่หวังเลยแหละ

ขอบพระคุณผู้เกื้อหนุน : ยาลดความอ้วน

อาหารเสริมลดน้ำหนัก มีภัยหรือเปล่า มาเรียนรู้ข้อมูลกันก่อน

ยาลดความอ้วน

ขณะนี้เรื่องพลานามัย การรักษารูปร่าง ยาลดความอ้วนกำลังได้รับความนิยม มีหลากหลายเคล็ดวิธีที่จะช่วยให้เราลดน้ำหนักได้ ไม่ว่าจะด้วยการเลือกกินอาหาร การออกกำลัง หรือแม้กระทั่งการทานอาหารเสริมลดความอ้วนที่กำลังแพร่หลายอยู่ในปัจจุบันนี้

หากแต่อาหารเสริมเหล่านั้น เปรียบเสมือนดาบสองคม ที่อาจจะทำให้เราสวย ผอม ได้อย่างง่ายดาย แต่ ! กลับทิ้งสารเคมี ที่อาจเป็นผลร้ายกับเราเอาไว้ ดังนั้นก่อนที่เราคิดจะพึ่งอาหารเสริมเหล่านี้ ก็ควรจะทำความเข้าใจข้อมูลให้ดีเสียก่อน

อาหารเสริมลดน้ำหนัก ไม่ว่าจะ อาหารจำพวกถั่วขาว สารสกัดจากตะบองเพชร ที่ไปช่วยดักจับไขมัน ไม่เป็นการลดน้ำหนักที่มีพิษมีภัย แต่จะดัดจับไขมัน แล้วให้ร่างกายรู้สึกอิ่ม กินได้น้อยลง เมื่อกินได้น้อยลง แล้วน้ำหนักเราก็จะลดลงตามไปด้วย พร้อมทั้งดึงไขมันที่ไม่ใช้ออกมาให้หมด ในรูปแบบของเหงื่อ และการขับถ่าย ทั้งในรูปแบบของเครื่องดื่ม และอีกนานัปการแล้วแต่ความคิดของผู้ผลิต แต่รู้หรือไม่ว่าอาหารเสริมนั้นถ้าไม่ได้เกณฑ์และรับประทานผิดวิธีจะทำให้เกิดโทษตามมามากมาย

ผลร้ายของอาหารเสริมลดความอ้วน
1. ถ้าบริโภคพร่ำเพรื่อทำให้เกิดอาการคลื่นใส้ อาเจียน ท้องเสีย
2. ถ้ากินบ่อยเกินทำให้ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว
3. ถ้ารับประทานพร่ำเพรื่อทำให้เหนื่อยง่าย ไม่มีแรง
4. ถ้ารับประทานพร่ำเพรื่อทำให้เกิดการสะสมของสารเคมี
5. ถ้ารับประทานพร่ำเพรื่อทำให้โรคมะเร็ง
6. ถ้าอาหารเสริมที่ผลิตนั้นไม่ได้รับมาตรฐาน ทำให้เกิดภัยต่อร่างกายและถ้ารุนแรงถึงขั้นถึงแก่ชีวิตได้

ฉันนั้นหากเราคิดจะพึ่งอาหารเสริมลดน้ำหนักแบบนี้แล้ว ก็ควรจะศึกษาข้อมูล ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน ทางที่ดีการใช้วิธีธรรมชาตินั้นยืนยาวและไม่เป็นอันตรายที่สุดแล้ว ไม่ว่าจะด้วยการเลือกกินอาหารที่เป็นประโยขน์ รู้จักเลือกรับประทานอาหารที่เน้นกากใย รวมไปถึงการหมั่นออกกำลังอยู่เป็นประจำ เท่านั้นก็ทำให้เราผอมได้ แล้วยังปลอดภัยด้วยนะคะ

โรคร้ายเชื้อราในสมอง น่าสะพรึงกลัว โปรดปรานการเล่นน้ำเค็มก็ต้องระวัง

เชื้อราในสมอง

เชื้อราในสมอง ภัยอันตรายที่มองไม่เห็นจากอุบัติเหตุเพียงแค่เล็กน้อย เช่น การสำลักน้ำ การจมน้ำ แต่จะสามารถให้ผลสาหัสสากรรจ์ถึงขั้นคร่าชีวิตเราได้อย่างไรนั้นต้องมาลองดูกัน

ใครที่ชอบไปพักผ่อนตามสถานที่ต่าง ๆ เช่น ทะเล น้ำตก อาจต้องเพิ่มความระวังระไวในการดูแลร่างกายตัวเองให้มากขึ้น เพราะความเจ็บป่วยเดี๋ยวนี้กลายพันธุ์ได้ง่ายกว่าเดิม ดังที่เห็นเป็นข่าวอยู่บ่อย ๆ ว่าจมน้ำแล้วสมองบวม พอไปตรวจอีกทีพบว่าเป็นเชื้อราในสมองเสียแล้ว หรือหากใครจำกันได้กับกรณีของนักร้องดัง บิ๊ก ดีทูบี ที่ประสบอุบัติเหตุรถตกคูน้ำที่มีเชื้อราปนเปื้อนอยู่เป็นปริมาณมาก ก่อนอาการจะทรุดหนักเพราะเชื้อราเข้าไปในสมอง กระทั่งตายในที่สุด ดังนั้นเพื่อเป็นการระวังไม่ให้เกิดกรณีอันน่าสลดแบบนี้อีก เราก็ควรมาทำความรู้จักกับเจ้าเชื้อรากันก่อนจะได้รู้แนวทางป้องกันที่ถูกต้องเอาไว้บอกต่อกับคนที่เราห่วงใย

เชื้อรามรณะที่เป็นมูลเหตุในที่นี้ก็คือ เชื้อรา P.boydii มีอีกชื่อหนึ่งเรียกว่า Scedosporium เป็นเชื้อราที่พบได้ตามบริเวณที่มีมลสารทับถมกันเป็นจำนวนมาก เช่น แหล่งน้ำเน่าเสีย แหล่งน้ำขนาดใหญ่ กองขยะสด บ่อพักสิ่งปฏิกูล รวมถึงในพื้นดินที่มีความชื้นตลอดเวลาไม่ถูกแสงแดด แม้แต่ในน้ำตก หรือทะเลที่มีของเสียหรือขยะปนเปื้อนมาก ๆ เพราะเชื้อราชนิดนี้สามารถเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 30-37 องศา

ถ้าแม้จะเป็นเชื้อราที่ไม่น่าจะเข้าสู่ร่างกายเราได้ และไม่สามารถก่อให้เกิดโรคโดยตรงได้ก็ตาม แต่ถ้าเมื่อไรที่ร่างกายจับต้องกับแหล่งการเจริญเติบโตของเชื้อราชนิดนี้ ไม่ว่าจะเป็นทางเดินหายใจ หรือทางผิวหนังที่เป็นแผล ก็มีโอกาสสูงมากที่เชื้อราจะเข้าไปสะสมอยู่ในเนื้อเยื่อต่าง ๆ ตามอวัยวะในร่างกายเรา เช่น ปอด หัวใจ ตับ สมอง

เมื่อไหร่ที่ภูมิคุ้มกันร่างกายต่ำลง เชื้อราจะกระจายตัวได้ดีกว่าตอนที่เราแข็งแรงดี ดังนั้นจึงไม่แปลกหากพบว่าในกรณีของคนจมน้ำ สำลักน้ำ หรือ แค่น้ำสกปรกโดนผิวหนังเรา จะทำให้เรามีอาการเจ็บไข้ในเวลาต่อมาได้ เพราะทันทีที่เชื้อราชนิดนี้เข้าไปสะสมอยู่ในร่างกายแล้วจะทำการแบ่งตัว และเจริญเติบโตแทรกซึมไปตามอวัยวะต่าง ๆ ที่มีสารอาหารโปรตีน และไขมันสูง ซึ่งตำแหน่งแรกที่มันจะเดินทางเข้าหาก็คือ เนื้อสมองของเรานั่นเอง เพราะส่วนประกอบหลักของสมองคือ ไขมัน และเชื้อนี้จะตรงเข้าทำลายระบบประสาทส่วนกลาง หรือประสาทส่วนการรับรู้ภายใน 48 ถึง 72 ชั่วโมง ด้วยวิธีการเจริญพันธุ์นี่เองที่ทำให้ส่วนต่าง ๆ ในร่างกายเราหยุดการทำงานลงโดยพลัน

ครั้นเมื่อติดเชื้อราในสมองแล้ว จะมีปรากฏให้เห็นชัด 3 อาการ คือ
1. อาการทางปอด อาจเกิดมีอาการเข้าแทรกคือ โรคไซนัส หากเอกซเรย์ดูจะพบว่ามีจุดกลมคล้ายมีลูกบอลในปอดอันเป็นสาเหตุทำให้ปอดเน่า ผู้ป่วยจะมีอาการไอเป็นเลือด เจ็บในอกเสีอด มีไข้ พบรอยฝ้าและเกิดโพรงในปอด โดยเชื้อนี้พบในปอดถึง 10% ของผู้เจ็บป่วยที่เป็นโรคน้ำย่อยปอดผิดปกติ และ อาจเกิดโรคร่วมกับเชื้อราอีกตัวหนึ่งควบคู่กันก็ได้
2. อาการเฉพาะที่ เช่น บริวณอวัยวะกระดูกและข้อ ผิวหนัง และ เนื้อเยื่อบริเวณตาที่ก่อให้เกิดอาการตาอักเสบจนปวด แดง หรือ คล้ายมีฝุ่นในตา เป็นต้น
3. อาการในกระแสเลือด ทันทีที่เชื้อรากระจายเข้าสู่กระแสเลือด กิริยาอาการที่เห็นได้ชัดอย่างแรกคือ ช็อก เกิดภาวะพังพินาศในอวัยวะหลายส่วน มักเกิดกับผู้เจ็บป่วยที่มีร่างกายมีภูมิต้านทานต่ำมาก่อนหน้าแล้ว

แม้ว่าโรคเชื้อราในสมองจะเป็นโรคที่ไม่สามารถรักษาให้หายขาด 100 % แต่ก็สามารถประคับประคองอาการเอาไว้ไม่ให้เชื้อราเติบใหญ่ได้ด้วยการใช้เภสัชร่วมกันของ voriconazole หรือ itraconazole ร่วมกับยา terbinafine และยา Posaconazole นอกจากนี้ยังต้องมีการเยียวยารักษาด้วยวิธีอื่นควบคู่ไปด้วย เช่น การระบายฝีในสมอง ระวังสมองบวม ระวังการติดต่อลามไปไซนัสและกระดูก รวมถึงการทำกายภาพบำบัดด้วย และอีกหนึ่งวิธีที่ผู้รักษาเป็นส่วนใหญ่เห็นว่าสามารถให้ผลดีได้ก็คือการให้ยากระตุ้นภูมิต้านทาน แต่กลับเป็นวิธีที่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างอื่นตามมา เช่น แขนขาอ่อนแรง หรือ อัมพาตครึ่งซีกได้

วิถีทางการป้องกัน
1. เลี่ยงการสัมผัสโดยตรงกับสิ่งสกปรกเมื่อเวลามีบาดแผล
2. ล้างมือก่อนหยิบของกินเข้าสู่ร่างกายทุกคราว
3. หากต้องไปในบริเวณที่มีอากาศไม่หมุนเวียน ควรพกผ้าปิดจมูกไปด้วย เพื่อระแวดระวังสูดเชื้อโรคเข้าไป
4. หากมีความผิดปกติเกิดขึ้นกับร่างกายควรไปพบผู้รักษา
5.หลบหลีกการลงไปเล่นน้ำในบริเวณที่ไม่สะอาด เช่น บึงที่มี่จอกแหนขึ้นรกมาก น้ำคลอง น้ำตก ทะเลที่อยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น

แม้ว่าเจ้าเชื้อรามรณะนี้จะมีชื่อฟังดูน่าขนพองสยองเกล้า แต่ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกไป เพราะพอได้ลองรู้จักแล้วจะพบว่าเราก็สามารถปกป้องตัวเองให้ห่างไกลจากเชื้อรานี้ได้ไม่ยากนัก ถ้าเพิ่มความระแวดระวังให้เยอะขึ้น

ภัยจากการอดข้าวปลาอาหาร ผอมแล้วป่วยไม่คุ้มกันหรอก

ภัยอันตรายจากการอดอาหาร

เชื่อว่าหลาย ๆ คนที่เคยลดความอ้วนก็คงเคยที่จะใช้วิธีการสารพัดเพื่อให้น้ำหนักที่เกินลดลงไปให้อยู่ในระดับที่น่าพึงพอใจ ไม่ว่าจะเป็นการควบคุมอาหาร การออกกำลัง หรือแม้แต่การใช้ยาที่ไม่ใช่ความคิดที่ดีสักเท่าไร โดยเฉพาะแนวทางสุดเบสิกที่สุดอย่างเช่นการอดอาหารที่หลายคนก็มักจะใช้วิธีนี้ในช่วงเพิ่งเริ่มลดความอ้วน แต่ขอบอกเลยค่ะว่า มันไม่ใช่วิธีที่ดีพอ ๆ กับการใช้ยาลดน้ำหนักเลยล่ะ อยากรู้กันแล้วใช่ไหมคะว่าเพราะอะไร วันนี้เราก็เลยนำเรื่องของการอดอาหารมาเล่าสู่กันฟัง ลองมาดูกันสิว่าแค่คุณอดอาหารเพียงหนึ่งมื้อ จะส่งผลเสียกับเรือนร่างเช่นใดบ้าง

การอดข้าวปลาอาหารในมื้อใดมื้อหนึ่งของวัน หรือการลดปริมาณอาหารที่รับประทานต่อมื้อลงให้เหลือเพียงเล็กน้อย ด้วยวิธีการต่าง ๆ อย่างเช่น การจำกัดแคลอรี่หรือจะเป็นการดื่มเพียงน้ำผักแคลอรี่ต่ำ วิธีเหล่านั้นไม่ใช่ความรู้สึกนึกคิดที่เลยล่ะค่ะ เพราะการอดอาหารเพียงมื้อเดียว สามารถส่งผลให้ระดับน้ำตาลในเลือดต่ำลงมากจนเป็นโทษกับร่างกาย เพราะน้ำตาลนั้นเปรียบเสมือนเชื้อเพลิงที่ช่วยทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ และถ้าหากระดับของน้ำตาลไม่อยู่ในระดับที่พอดีก็จะทำให้อวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายได้รับผลกระทบกระเทือนตาม ๆ กันไปด้วย

Maggie Moon นักโภชนบำบัดในเมืองลอสแอนเจลิส กล่าวว่า การอดอาหารจะทำให้คุณรู้สึกไม่สบายและทำให้คุณรู้สึกเหนื่อย เพราะเมื่อร่างกายของคุณขาดแรงงานใหม่ ๆ ที่มาจากอาหาร จะทำให้ร่างกายของคุณเข้าสู่ภาวะหิวโหยและเริ่มสงวนพลังงานในร่างกายที่มีอยู่ไว้ใช้กับส่วนที่สำคัญของร่างกาย ระบบการเผาผลาญอาหารจะทำงานช้าลง ทำให้อาหารที่คุณทานเข้าไปก่อนหน้าไม่ได้รับการเผาผลาญอย่างมีประสิทธิภาพ

ขณะเดียวกัน การอดอาหารจะทำให้ศักยภาพในการทำงานของสมองก็จะลดลง โดยจะส่งผลต่อสติปัญญาและอารมณ์ ทำให้คุณรู้สึกคิดอะไรไม่ออก และอารมณ์แปรปรวน ลมเสียง่าย อย่างไรก็ตามถ้าหากคุณรับประทานอาหารเข้าไปหลังจากนี้ภายในเวลาแปดชั่วโมง ร่างกายของคุณก็จะรู้สึกเหมือนกลับมาเป็นปกติ แต่ก็เป็นเพียงในระยะสั้นเท่านั้น เพราะระบบการเผาผลาญของคุณยังคงอยู่ในระดับต่ำ เพราะร่างกายของคุณไม่สามารถคาดเดาได้ว่าพลังงานใหม่ ๆ ที่จะมาจากการรับประทานอาหารนั้นจะมาอีกครั้งเมื่อไร และร่างกายของคุณก็จะกลับไปสู่ภาวะเดิม นั่นก็คือระดับน้ำตาลในเลือดลดลง สมองตื้อ และอารมณ์ผันแปรไปตลอดทั้งวัน

นอกจากนี้การอดอาหารยังส่งผลต่อกล้ามเนื้อในร่างกาย เพราะเมื่อร่างกายขาดพลังงาน ร่างกายก็จะดึงเอาสารอาหารต่าง ๆ ที่อยู่ในกล้ามเนื้อออกมาใช้เป็นพลังงานหล่อเลี้ยงร่างกาย ทำให้ความแข็งแรงของร่างกายลดน้อยถอยลงไป และในที่สุดก็จะทำให้ระบบการทำงานต่าง ๆ ในร่างกายเริ่มต่อต้านคุณเอง และทำให้คุณเกิดอาหารหิวอย่างบ้าคลั่ง ทีนี้ล่ะ คุณจะยิ่งรับประทานอาหารกลับเข้าไปมากกว่าปกติ จนทำให้การควบคุมอาหารและการลดน้ำหนักของคุณมีอันเป็นไปในที่สุด

เห็นกันแล้วใช่ไหมล่ะว่าการอดอาหารส่งโทษมากแค่ไหน ไม่ว่าจะทั้งทางร่างกายและทางจิตใจ ฉะนั้นใครที่กำลังอดอาหารอยู่เลิกดีกว่านะคะ หันมาบริโภคให้ครบทุกมื้อ แต่ใส่ใจในอาหารแต่ละมื้อให้มากขึ้น โดยเพิ่มปริมาณโปรตีนไขมันต่ำและคาร์โบไฮเดรตจากธัญพืชให้มากขึ้น นอกจากนี้ยังควรทานอาหารที่มีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวในปริมาณที่พอเหมาะ แม้ว่าอาจจะทำให้การลดน้ำหนักเป็นไปอย่างช้า ๆ แต่ก็จะทำให้ร่างกายของคุณทำงานได้เป็นปกติ แถมยังทำให้คุณมีความสำราญ มากกว่าการอดอาหารอีกด้วย

ไม่ว่ายังไงพลานามัยก็เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด ฉะนั้นการลดน้ำหนักจึงควรตระหนักถึงสุขภาพเป็นหลักด้วย อย่ามัวแต่สนใจถึงรูปร่างจนหลงลืมสุขภาพกันนะคะ เพราะบางทีก็อาจจะไม่คุ้มกันถ้าหากคุณมีรูปร่างที่งามตาแต่กลับต้องเจ็บไข้ด้วยโรคร้ายแรง จริงไหมคะ

เห็ดสุดยอดแห่งอาหารเพื่อสุขภาพ

เห็ด

เห็ด ก็ถือว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพชนิดยอดเยี่ยมที่เราๆรู้จักกันมาเป็นเวลานานแล้วและยังเป็นที่นิยมในสังคมไทยอีกด้วย ซึ่งเห็ดก็มีหลายชนิดหลากรสชาติแตกต่างกันออกไป แต่เห็ดทุกๆชนิดก็ล้วนแล้วแต่ทรงคุณค่าทางอาหารด้วยกันทั้งสิ้น

และในยุคนี้ที่กระแสอาหารเพื่อสุขภาพกำลังมาแรงจึงทำให้หลายๆคนหันมาให้ความสนใจกับเห็ดเป็นพิเศษ เพราะว่าเห็ดเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่มีรสชาติดี ปรุงง่าย นำไปประกอบอาหารได้หลายวิธี ไม่ว่าจะเป็น ผัด ต้ม และที่สำคัญเห็ดนั้นสามารถเข้ากับส่วนผสมอื่นหลายๆอย่างได้อย่างเอร็ดอร่อยและลงตัว

เห็ดมีให้เลือกมากมายหลายชนิด แต่ละชนิดมีรสชาติต่างกัน เช่น เห็ดหอม เห็ดหูหนู เห็ดฟาง เห็ดนางรม เห็ดนางฟ้า เห็ดเข็มทอง เห็นเออรินจิ เห็ดปุยฝ้าย เห็ดโคน เห็ดถอบ เห็ดแชมปิญอง รวมไปถึงเห็ดพื้นบ้านอีกหลายชนิด เช่น เห็ดขมิ้น เห็ดกระด้าง เห็ดตับเต่า เห็ดเป็นอาหารที่หาซื้อได้ง่ายตลอดทั้งปี มีจำหน่อยทั้งในแบบสด แบบแห้ง และบรรจุกระป๋อง

นอกจากหาได้ง่ายแล้ว เห็ดยังสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลายรูปแบบ ตั้งแต่การนำไปทอด ย่าง แกง ต้ม ผัด ลวก อบ และยังสามารถใช้แทนเนื้อสัตว์สำหรับเมนูมังสวิรัติ หรืออาหารเจได้เป็นอย่างดี แต่หากต้องการใช้เห็ดเป็นอาหารจานลดน้ำหนัก ก็ควรพิจารณาปรุงเห็ดด้วยกรรมวิธีที่ใช้น้ำมันน้อย และมีแป้งเป็นส่วนประกอบไม่มาก

เรามาดูกันว่ามีเห็ดชนิดไหนกันบ้างที่นิยมรับประทานกัน

1. เห็ดหอม
ถือว่าเป็นราชาเห็ดซึ่งเห็นหอมประกอบไปด้วยสารอาหารที่ทรงคุณค่ามากมายที่จะทำให้สุขภาพแข็งแรงขึ้นในหลายๆด้านไม่ว่าจะเป็น ช่วยลดคอเลสเตอรอล ซึ่งจะทำให้เราหลีกเลี่ยงจากโรคอันตรายต่างๆได้หลายโรค นอกเหนือไปจากสรรพคุณในข้อนี้แล้วเห็ดหอมก็ยังช่วยให้ระบบย่อยอาหารทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลือดไหลเวียนดี และที่สำคัญเห็ดหอมสามารถนำไปปรุงในซุปและเมนูอาหารเพื่อสุขภาพอื่นๆได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว

2. เห็ดหูหนู
เห็ดหูหนูก็ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเห็ดที่สามารถนำไปปรุงเมนูอาหารเพื่อสุขภาพได้หลายๆเมนูด้วยกัน โดยสรรพคุณหลักของเห็ดหูหนูก็คือช่วยละลายลิ่มเลือดและลดโอกาสที่จะเกิดลิ่มเลือด ซึ่งการมีลิ่มเลือดเหล่านี้ก็จะทำให้เราได้รับความเสี่ยงที่จะเกิดโรคร้ายต่างๆนาๆไม่ว่าจะเป็น เส้นเลือดหัวใจอุดตัน เส้นเลือดสมองอุดตัน ซึ่งโรคเหล่านี้ก็ถือว่าเป็นโรคที่จะทำให้เราเสียชีวิตได้อย่างเฉียบพลันได้ทันที เพราะฉะนั้นการที่เราจะหลีกเลี่ยงจากโรคนี้ให้ได้ง่ายที่สุดกืคือการรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพอย่างเช่นเห็ดหูหนูเพื่อสร้างภูมิคุ้มกันนั่นเอง และนอกเหนือจากคุณสมบัติหลักที่ช่วยในเรื่องละลายลิ่มเลือดแล้ว เห็ดหูหนูก็ยังช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอ ลดไข้ แก้ไอ ช่วยในเรื่องระบบขับถ่าย แก้ร้อนในได้อีกด้วย เรียกได้เลยว่าเห็ดหูหนูนั้นเป็นอาหารเพื่อสุขภาพครอบจักรวาลเลยทีเดียว

3. เห็ดเข็มทอง
เห็ดเข็มทองถือได้ว่าเป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่จะช่วยบำรุงและรักษาปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับทางเดินอาหารได้มากมาย ยกตัวอย่างเข่น โรคลำไส้อักเสบเรื้อรัง โรคกระเพาะ และที่มากไปกว่านั้นเห็ดเข็มทองสามารถช่วยสร้างภูมิคุ้มกันต่อโรคตับและช่วยบรรเทาอาการได้อีกด้วย

***การเลือกซื้อเห็ดสด ต้องเลือกดูเห็ดที่ใหม่ ไม่มีกลิ่น หรือเปียกน้ำ ส่วนเห็ดแห้งก็ควรสังเกตดูว่าแห้งจริง ไม่มีเชื้อรา และไม่มีแมลง หากต้องการเก็บรักษาเห็ดสดไว้ ควรตัดรากออก แล้วห่อด้วยกระดาษก่อนใส่ในถุงพลาสติกที่เจาะรูเล็กๆไว้อีกที จะสามารถเก็บไว้ได้ ประมาณ 2-3 วัน แต่หากต้องการเก็บไว้นานกว่านั้นควรต้มแล้วใส่กล่องเก็บไว้ แต่รสชาติของเห็ดที่ได้จะไม่อร่อยเท่ากับการรับประทานเห็ดสดๆ และที่สำคัญการรับประทานเห็ดต้องทำให้สุกก่อนเสมอ เพราะการบริโภคเห็ดสด อาจก่อให้เกิดพิษในร่างกาย อย่างไรก็ตาม เห็ดเป็นอาหารที่ทำให้สุกง่าย ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องกังวลในเรื่องนี้

Our other blogs : http://weightlosstipspantip.blogspot.com

วิธีการลดท้องแบบเร่งด่วน เห็นผลเร็วจนใคร ๆ ก็ต้องไต่ถาม

แนวทางลดหน้าท้องแบบเร่งรีบ ด้วยวิธีแบบง่าย ๆ ที่สาว ๆ สามารถทำได้ด้วยตัวเอง ใครอยากมีพุงที่แบบราบได้อย่างเร็วทันใจ ลองมาทำกันดูเลย

เชื่อมั่นว่าสาว ๆ หลายคนคงจะกำลังเคร่งเครียดกับพุงย้วย ๆ และชั้นไขมันที่มากเป็นห่วงยางของตัวเองกันอยู่แน่ ๆ เลยใช่ไหมคะ แถมยังจะเสียเซลฟ์สุด ๆ เมื่อเวลามีคนมาทักว่ากำลังจะมีน้องหรือเปล่า !? โอ้แม่เจ้า... คำ ๆ นี้มันช่างสะท้านช้ำใจเสียจริง ฉันแค่มีพุงนะ ไม่ได้มีลูกสักหน่อย คิดแล้วมันน่าน้อยใจจริง ๆ อย่างนี้ปล่อยไว้ไม่ได้คงต้องหาวิธีจัดการเจ้าพุงตัวปัญหาแบบเร่งด่วนกันซะหน่อยแล้ว ว่าแต่จะทำยังไงดีนะ ? สำหรับใครที่อยากรู้วิธีจัดการไขมันหน้าท้องให้ได้แบบเร็วไว วันนี้กระปุกดอทคอมก็มีวิธีลดหน้าท้องแบบเร่งด่วนมาให้สาว ๆ ได้ลองประพฤติกันดูค่ะ สาว ๆ คนไหนที่อยากมีท้องแบนราบ อย่ารอช้า รีบมาฟิตพุงด้วยแนวทางต่อไปนี้กันเลย

เริ่มทำจากการงดเขมือบพวกขนมขบเคี้ยว อาหารที่มีไขมัน อาหารทอด ๆ มัน ๆ และของกินที่มีส่วนผสมของน้ำตาลมาก ๆ โดยเด็ดขาด พร้อม ๆ กับควบคุมปริมาณอาหารด้วย โดยให้ลดปริมาณและมื้ออาหารให้น้อยลง ซึ่งปกติอาจจะบริโภค 3-4 มื้อ ให้ลดเหลือเพียง 2 มื้อ และลดปริมาณข้าวให้น้อยลงครึ่งเดียว และนอกจากนี้ควรจะเลือกกินอาหารที่มีผลช่วยในการควบคุมน้ำหนักพร้อมๆ กันไปด้วย เช่น ผัก ผลไม้ พริกไทย และนมเปรี้ยว เป็นต้น ซึ่งอาหารพวกนี้จะช่วยย่อยอาหาร และเผาผลาญไขมันที่สะสมในร่างกายได้เป็นอย่างยอดเยี่ยม

การควบคุมอาหารควรทำควบคู่ไปกับการออกกำลังอย่างเป็นกิจวัตร ซึ่งการออกกำลังเพื่อลดหน้าท้องก็มีอยู่หลายวิธีการ แต่ที่ได้รับความนิยม และสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ก็คือ การออกกำลังกายโดยการซิทอัพ ถึงแม้จะเป็นวิธีการบริหารร่างกายแบบเบสิก แต่รับรองว่าได้ผลแน่นอน โดยให้เริ่มจากการซิทอัพ 20 ครั้งต่อวัน แล้วค่อย ๆ เพิ่มจำนวนให้มากขึ้นเรื่อย ๆ โดยให้ทำเป็นประจำอย่างเป็นประจำทุกวัน ทั้งนี้อาจจะออกกำลังอย่างอื่นควบคู่กันไปด้วย อย่าง จ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ และปั่นจักรยาน อย่างน้อย 20-30 นาที จะช่วยให้ร่างกายสามารถเผาผลาญไขมันออกไปได้ดียิ่งขึ้น

ใครที่อยากมีหน้าท้องแบนราบ สิ่งสำคัญคือต้องเข้านอนแต่หัวค่ำ คือ ก่อน 4 ทุ่ม (นอนพักผ่อนให้ได้อย่างต่ำ 6-8 ชั่วโมง) เพราะจะทำให้ร่างกายได้พักสมองอย่างเต็มที่ แถมยังจะทำให้ร่างกายหลั่งฮอร์โมนที่จะช่วยในการเผาผลาญพลังงานออกมา ซึ่งจะช่วยในเรื่องของการกำจัดไขมันส่วนเกินได้ด้วย

การหายใจมีส่วนอย่างมากมายในระบบไหลเวียนโลหิตและระบบเผาผลาญอาหารในเรือนร่าง แถมยังจะช่วยให้รู้สึกอิ่มจากอาหารแต่ละมื้อนานขึ้นและลดอาการอยากอาหารให้น้อยลงได้ด้วย โดยการหายใจที่ถูกต้องคือ จะต้องหายใจอย่างช้า ๆ และลึก ๆ และทุกครั้งที่หายใจเข้าหน้าท้องจะป่องออกเพื่อรับลมเข้าและแบนลงเมื่อหายใจออก โดยฝึกให้สม่ำเสมอ เช่น เวลาว่าง ๆ ให้ลองนั่งหรือยืนตัวตรงในท่าสบายแล้วค่อย ๆ เริ่มหายใจเข้าออกช้า ๆ เป็นจังหวะ ทำวันละ 10 นาที รับรองระบบเผาผลาญจะดีขึ้นอย่างแน่แท้

การดีท็อกซ์ลำไส้ทำได้โดยการกินโยเกิร์ตบ่อย ๆ จะถือเป็นการชะล้างไขมันที่เกาะอยู่ที่ลำไส้ ซึ่งไขมันเหล่านี้จะทำให้กระเพาะ ตับ และม้าม เกิดการดูดซึมได้น้อยมากกว่าปกติ โดยเฉพาะในส่วนของม้ามที่ชื้นจะยิ่งทำให้อาหารที่กินเข้าไปแปรสภาพเป็นไขมันเป็นผลทำให้อ้วนง่ายขึ้น เมื่อทำการขจัดไขมันเหล่านี้ออกไปด้วยการดีท็อกซ์จะช่วยทำให้หน้าท้องเล็กลงตามไปด้วย

เป็นไรกันบ้างคะกับวิธีการลดหน้าท้องแบบรีบด่วนที่เอามาฝากกันในวันนี้ ง่ายเลยใช่ไหมล่ะ เชื่อว่าคุณสาว ๆ สามารถทำได้อย่างแน่นอน แต่อย่าลืมทำให้เป็นประจำเป็นปกติ และมีระเบียบในตัวเองด้วยนะคะ การันตีว่าพุงสลาย ไขมันหด เหลือแต่หน้าท้องแบนราบได้ในเร็ววันอย่างแน่แท้